วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทับทิม

ทับทิม

ชื่อทางวิทยาศาสตร์  Punica granatum Linn.
วงศ์  Punicaceae
ชื่อท้องถิ่น  ใช้เมล็ดปลูกหรือการตอนกิ่งก็ได้ แต่นิยมเพาะเมล็ดมากกว่า ปลูกได้ในดินทั่วไป แต่ชอบดินเหนียวปนหินและชอบอยู่ใกล้แหล่งน้ำ  ต้องการแสงแดดมากและเหมาะที่จะปลูกในต้นฤดูฝน วิธีการปลูกให้เพาะกล้าก่อน แล้วจึงย้ายเอาไปลงหลุม  เมื่อเป็นต้นอ่อนรดน้ำพรวนดินและบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ เมื่ออายุได้ ๖ เดือน อย่าให้ร่มเงาไม้ใหญ่บัง เพราะต้นทับทิมอาจจะแคระแกร็นไม่ออกดอกออกผล ควรดูแลกำจัดศัตรูพืชด้วย
ส่วนที่ใช้เป็นยา  เปลือกผลแห้ง
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา  เก็บในช่วงที่ผลแก่ ใช้เปลือกผลตากแดดให้แห้ง
รสและสรรพคุณยาไทย  รสฝาด เป็นยาฝาดสมาน
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์  เปลือกผลมีรสฝาด เนื่องจากมีสาร แทนนิน ประมาณ ๒๒-๒๕% มีกรด gallotannic, สารสีเขียวอมเหลือง เป็นต้น เปลือกผลมีฤทธิ์ฝาดสมาน เพราะมีสาร แทนนิน และมีกรด Gallotannic จึงรักษาอาการท้องเดินได้ดี กองวิจัยแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิเคราะห์แล้วพบว่า ไม่มีพิษเฉียบพลัน แต่ถ้าให้ขนาดสูงอาจจะมีพิษได้ (LD 50= 17 กรัม/กิโลกรัม)
วิธีใช้  เปลือกทับทิมใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิด มีวิธีการใช้ดังต่อไปนี้ คือ อาการท้องเดิน ใช้เปลือกผลแห้งประมาณ ๑ ใน ๔ ของผล ฝนกับน้ำฝนหรือน้ำปูนใสข้น ๆ รับประทานครั้งละ ๑-๒ ช้อนแกง หรือต้มกับน้ำปูนใสแล้วดื่มน้ำที่ต้มก็ได้
          อาการบิด โรคนี้จะมีอาการปวดเบ่งและมีมูกออกมาด้วย หรืออาจจะมีเลือดออกมาปนกับมูก ให้ใช้เปลือกผลแห้งของทับทิมครั้งละ ๑ กำมือ (๓-๕ กรัม) ต้มกับน้ำดื่มวันละ ๒ ครั้ง อาจใช้กานพลูหรืออบเชยแต่งกลิ่นให้น่าดื่มก็ได้
คุณค่าทางด้านอาหาร ทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวานมีวิตามิน ซี  รวมทั้งเกลือแร่อื่น ๆ อีก ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น